ซีอีโอภาคพลังงานยังคงลงทุนกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยแม้เผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและช่องว่างทางทักษะ
ซีอีโอภาคพลังงานยังคงมั่นใจในการเติบโต โดยเน้นลงทุนกับ AI การพัฒนาทักษะแรงงาน และเป้าหมาย ESG ท่ามกลางความท้าทายระดับโลก
ซีอีโอภาคพลังงานยังคงมั่นใจในการเติบโต โดยเน้นลงทุนกับ AI การพัฒนาทักษะแรงงาน และ....
EN | TH
- ซีอีโอร้อยละ 78 มั่นใจในการเติบโตทางเศรษฐกิจในสามปีข้างหน้า ซึ่งเหมือนกับผลการสำรวจของปีที่ผ่านมา
- เกือบสองในสามมองว่าเทคโนโลยี Generative AI (Gen AI) เป็นสิ่งที่องค์กรของตนให้ความสำคัญในการลงทุนมากที่สุด
- ร้อยละ 79 เชื่อว่า AI จะไม่ลดจำนวนตำแหน่งงานในองค์กร
- ซีอีโอร้อยละ 58 คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero) ได้ภายในปี 2573 โดยร้อยละ 35 ระบุว่าความซับซ้อนของการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย Net zero หรือเป้าหมายทางสภาพภูมิอากาศอื่นที่คล้ายคลึงกัน
กรุงเทพฯ 16 ธันวาคม 2567 – การสำรวจซีอีโอในภาคพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ (energy, natural resources, and chemicals : ENRC) จำนวน 120 คนทั่วโลก ยังคงสะท้อนความเชื่อมั่นในระดับสูง แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง
การสำรวจ CEO Outlook ของเคพีเอ็มจีในระดับโลกซึ่งดำเนินมาเป็นปีที่สิบ แสดงให้เห็นว่าซีอีโอร้อยละ 78 มั่นใจในการเติบโตทางเศรษฐกิจในสามปีข้างหน้า ซึ่งเหมือนกับผลการสำรวจในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ซีอีโอร้อยละ 55 เชื่อว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด ตามด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการแข่งขันเพื่อประยุกต์ใช้ AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ (ร้อยละ 43 ทั้งสองหัวข้อ)
ซีอีโอยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยี Gen AI โดยร้อยละ 58 ชี้ว่าเป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญในการลงทุนมากที่สุดในสามปีข้างหน้า โดยผู้นำองค์กรได้วางแผนการลงทุนสำหรับการปฏิรูปองค์กรด้วยเทคโนโลยี AI อย่างระมัดระวัง และมีแบบแผน เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ โดยร้อยละ 65 คาดว่าจะใช้เวลาสามถึงห้าปีจึงจะเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนจากการใช้งาน Gen AI (เทียบกับร้อยละ 48 ในปี 2566) ในส่วนของบุคลากร ซีอีโอร้อยละ 79 เชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนงานอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะเป็นการเพิ่มความต้องการการพัฒนาทักษะพนักงานและการปรับใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แทน
การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ยังคงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ธุรกิจ ซีอีโอร้อยละ 58 คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 แต่ส่วนมากก็ตระหนักดีถึงอุปสรรคที่ต้องเผชิญในการลดคาร์บอน โดยร้อยละ 35 ระบุว่าความซับซ้อนของการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยการขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 22 ทำให้การลงทุนกับการพัฒนาบุคลากร เพิ่มทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงกระบวนการถ่ายทอดความรู้ที่มีประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญยิ่งขึ้น
บรรยากาศโดยรวมในการประชุมผู้บริหารอาจเป็นไปในทางบวกสำหรับซีอีโอภาค ENRC แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่จะเป็นบททดสอบขององค์กร เทคโนโลยี AI และ ESG ถูกระบุว่าเป็นสองกลยุทธ์หลัก ที่เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงทางธุรกิจ
ในส่วนของ AI แทบไม่มีธุรกิจใดเลยที่ AI ไม่สามารถเพิ่มมูลค่า ได้ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความล่าช้า และ/หรือเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงในเรื่องความเป็นส่วนตัว จริยธรรม เป็นเรื่องที่ต้องจัดการให้ดี ซีอีโอควรมีความมั่นใจในประเด็นเหล่านี้ตราบเท่าที่มีแนวทางป้องกันพื้นฐานที่เหมาะสม การนำ AI มาใช้เป็นเรื่องของการบริหารความเปลี่ยนแปลง และนั่นคือสิ่งที่ซีอีโอต้องให้ความสำคัญ
ในส่วนของ ESG แม้ว่าซีอีโอจะบูรณาการเข้ากับการดำเนินธุรกิจของพวกเขามากขึ้น แต่ก็สัมผัสได้ว่าส่วนใหญ่นั้นถูกขับเคลื่อนโดยการปฏิบัติตามข้อกำหนด การดำเนินงานด้าน ESG นั้นมีต้นทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำ โดยองค์กรที่ก้าวไปไกลและรวดเร็วสู่การเปลี่ยนแปลงที่นำโดย ESG จะสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการตลาดเป็นอย่างมาก
เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ สภาวะต่าง ๆ เอื้ออำนวยให้องค์กรภาค ENRC ที่สามารถวางกลยุทธ์ในเรื่องสำคัญได้อย่างถูกต้อง สอดคล้อง เช่น การดำเนินงาน การบริหารต้นทุน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ และ ESG จะสามารถก้าวไปข้างหน้า และสร้างผลตอบแทนทางการค้าที่มากยิ่งขึ้นได้
อานิช เด
หัวหน้าฝ่ายพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ระดับโลก
เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
หัวหน้าฝ่ายพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ระดับโลก
เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
เทคโนโลยี Gen AI และ ESG ยังคงอยู่ในวาระสำคัญของซีอีโอในภาคพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Gen AI และบูรณาการ ESG เข้ากับการดำเนินธุรกิจจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรในระยะยาวที่มากไปกว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนด ด้วยความเชี่ยวชาญของเคพีเอ็มจี สามารถสนับสนุนองค์กรของท่านผ่านการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ และการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่บูรณาการ ESG เข้ากับธุรกิจ ตลอดทั้งผสานแนวทางการใช้งาน Gen AI ที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นอันดับแรก
ธิดารัตน์ ฉิมหลวง
หุ้นส่วน ฝ่ายที่ปรึกษาธุรกิจ และประธานฝ่าย Business Transformation และลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม
เคพีเอ็มจี ประเทศไทย
หุ้นส่วน ฝ่ายที่ปรึกษาธุรกิจ และประธานฝ่าย Business Transformation และลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม
เคพีเอ็มจี ประเทศไทย
เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทที่ให้บริการสอบบัญชี ภาษี และที่ปรึกษาธุรกิจ เคพีเอ็มจี เป็นแบรนด์ภายใต้บริษัทสมาชิกของ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล”) ดำเนินการและให้บริการอย่างมืออาชีพ “เคพีเอ็มจี” ใช้เพื่ออ้างถึงบริษัทสมาชิกแต่ละแห่งภายในเครือข่าย เคพีเอ็มจี หรือบริษัทสมาชิกหนึ่งหรือหลายบริษัทรวมกัน เครือข่าย เคพีเอ็มจี ดำเนินงานใน 143 ประเทศ และเขตการปกครอง โดยมีหุ้นส่วนและพนักงานมากกว่า 265,000 คน บริษัท เคพีเอ็มจี แต่ละแห่งเป็นนิติบุคคลที่แตกต่างกัน และแยกจากกันตามกฎหมาย บริษัทสมาชิก เคพีเอ็มจี แต่ละแห่งมีหน้าที่รับผิดชอบและหนี้สินของตนเอง เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทเอกชน ในประเทศอังกฤษ โดยการรับประกัน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้บริการแก่ลูกค้า ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างองค์กรได้ที่ kpmg.com/governance
เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย
เคพีเอ็มจี ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน ซึ่งให้บริการด้านการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่นอื่น ภาษี กฎหมายและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เคพีเอ็มจี ประเทศไทยเป็นสมาชิกของ เครือข่ายเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์กร เอกชน จำกัด ในอังกฤษ
สำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
ณิชากร พัฒนาถาวร
อีเมล: nichakorn2@kpmg.co.th