รายงานเคพีเอ็มจี เผยซีอีโอทั่วโลกเดินหน้าลงทุนใน AI และบุคลากร

ผลสำรวจ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของผู้นำองค์กรทั่วโลกท่ามกลางความไม่แน่นอน

ผลสำรวจ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของผู้นำองค์กรทั่วโลกท่ามกลางความไม่แน่นอน

EN | TH

ประเด็นสำคัญ

  • ซีอีโอยังคงเดินหน้าลงทุนและนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยง ขณะที่เกือบสามในสี่ของผู้นำองค์กร (ร้อยละ 71) ระบุว่า AI เป็นสิ่งที่ซีอีโอให้ความสำคัญที่จะลงทุนเป็นอันดับแรกๆ
  • จำนวนพนักงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยซีอีโอส่วนใหญ่ (ร้อยละ 92) มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนบุคลากรในอีกสามปีข้างหน้า
  • การแข่งขันเพื่อแย่งชิงบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI เป็นประเด็นสำคัญที่ซีอีโอทั่วโลกให้ความสนใจ ขณะที่ผู้นำองค์กรต่างเร่งปรับโครงสร้างแรงงานอย่างรวดเร็ว แต่ความเชี่ยวชาญด้าน AI กลับกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญ โดยกว่าร้อยละ 70 ของซีอีโอยอมรับว่าเผชิญกับความท้าทายจากการขาดแคลนบุคลากรและการยกระดับทักษะแรงงาน
  • ซีอีโอยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจของตนเอง แม้เผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดจากความมุ่งมั่นผ่านการลงทุนในบุคลากร AI การควบรวมกิจการ (M&A) และการปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งนี้ จากผลสำรวจ พบว่าร้อยละ 68 ของซีอีโอแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลก ลดลงจากร้อยละ 72 เมื่อปีที่ผ่านมา
  • ซีอีโอเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่าสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมได้ โดยร้อยละ 61 เชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero) ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 51 ในปีที่ผ่านมา  

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 31 ตุลาคม 2568 เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เผยผลการสำรวจ KPMG Global CEO Outlook ครั้งที่ 11 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงมุมมองและแนวคิดของผู้นำองค์กรทั่วโลก โดยพบว่า ซีอีโอมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลกลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 68 จากร้อยละ 72 เมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้ผู้นำองค์กรทั่วโลกจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่พวกเขายังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนและพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าซีอีโอยังคงมีทัศนคติเชิงบวกต่อธุรกิจของตนเอง และร้อยละ 92 มีแผนลงทุนเพิ่มเติมในด้านบุคลากรและศักยภาพขององค์กรควบคู่กับเทคโนโลยี AI การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีอิทธิพลต่อแนวคิดของการเป็นผู้นำในยุคปัจจุบัน เมื่อซีอีโอให้ความสำคัญกับ AI และบุคลากรมากขึ้น คุณลักษณะสำคัญอย่างความคล่องตัว ความโปร่งใส และความพร้อมในการปรับกลยุทธ์ใหม่ จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นขององค์กรอย่างยิ่ง

ผลสำรวจในครั้งนี้เกิดจากการรวบรวมข้อมูลจากซีอีโอและผู้นำองค์กรชั้นนำกว่า 1,300 รายทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นของซีอีโอ อันเป็นผลจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ ผลักดันให้ผู้นำองค์กรต้องปรับแนวทางการบริหารและกลยุทธ์การเติบโต เพื่อรับมือกับความซับซ้อนของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน 

การรับมือกับความไม่แน่นอน: ซีอีโอพร้อมปรับตัวและก้าวไปข้างหน้า

แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แต่ซีอีโอยังคงมีทัศนคติเชิงบวก ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในบุคลากรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว จากการสำรวจพบว่า ร้อยละ 92 ของซีอีโอ มีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานในอีก 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน หลายองค์กรยังคงคาดการณ์การเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีความสนใจในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) โดยร้อยละ 40 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 2.5  และร้อยละ 89 คาดว่าจะเกิดการควบรวมหรือซื้อกิจการ ในอีก 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ อุปสรรคสำคัญที่อาจขัดขวางการเติบโตขององค์กรยังมีความใกล้เคียงกับผลการสำรวจปีที่ผ่านมา ได้แก่ อาชญากรรมด้านไซเบอร์และความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ (ร้อยละ 79) ความพร้อมของบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI หรือการยกระดับทักษะด้าน AI (ร้อยละ 77) และ ความสามารถในการบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิผล (ร้อยละ 75)

ความผันผวนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้ซีอีโอต้องกลับมาทบทวนบทบาทความเป็นผู้นำและกลยุทธ์ โดยซีอีโอส่วนใหญ่ (ร้อยละ 72) ได้ปรับแผนการเติบโตให้สอดคล้องกับสถานการณ์แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้นำองค์กรยังมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กรในยุคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยจากการสำรวจ พบว่าทักษะที่ได้รับการให้ความสำคัญสูงสุด ได้แก่ ความคล่องตัวและความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว (ร้อยละ 26) การสื่อสารอย่างโปร่งใส (ร้อยละ 24) และความสามารถในการระบุ จัดลำดับความสำคัญ และบริหารจัดการความเสี่ยง (ร้อยละ 23) 

ผู้นำให้ความสำคัญกับการนำ AI มาใช้โดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

ภายใต้ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซีอีโอต่างเดินหน้าลงทุนใน AI และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมากขึ้น โดยเกือบสามในสี่ (ร้อยละ 71) ของผู้นำระบุว่า AI เป็นหนึ่งในประเด็นการลงทุนที่ผู้นำองค์กรให้ความสำคัญสูงสุดในปี 2569 และร้อยละ 69 มีแผนจัดสรรงบประมาณระหว่างร้อยละ 10 ถึง 20 ของงบประมาณรวมเพื่อการลงทุนใน AI ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้อย่างรวดเร็วทั่วโลก ได้สร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับคณะกรรมการบริหาร โดยซีอีโอแสดงความกังวลอย่างมากต่อประเด็นด้านจริยธรรม (ร้อยละ 59) ความพร้อมของข้อมูล (ร้อยละ 52) และ การขาดกฎระเบียบที่ชัดเจน (ร้อยละ 50) ทั้งนี้ซีอีโอต่างเห็นพ้องกันว่า การกำหนดกรอบธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการนำ AI มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืนได้

นอกจากนี้ ซีอีโอยังตระหนักว่าความสำเร็จของการนำ AI มาใช้นั้น ขึ้นอยู่กับการวางแนวทางการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและรอบคอบ จากการสำรวจพบแนวโน้มที่ชัดเจนว่า ผู้นำองค์กรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้โดยยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง แม้ยังมีความกังวลว่า AI อาจส่งผลให้การจ้างงานลดลงในวงกว้าง แต่ร้อยละ 61 ของซีอีโอกลับระบุว่าพวกเขามุ่งสรรหาบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 70 แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันแย่งชิงบุคลากรด้าน AI และร้อยละ 77 มองว่าการยกระดับทักษะแรงงานเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันเพื่อดึงดูดบุคลากรคุณภาพที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ความเชื่อมั่นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่ามุมมองต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค แต่จากการสำรวจ KPMG 2025 CEO Outlook พบว่าผู้นำองค์กรส่วนใหญ่ยังคงมุ่งมั่นต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง และมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าพวกเขาจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ที่น่าสังเกตคือ ซีอีโอส่วนใหญ่ (ร้อยละ 61) เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) ภายในปี 2573 ซึ่งความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของภาคธุรกิจต่อความเป็นไปได้ในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศในระยะยาว


ผลการสำรวจของเราแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ซีอีโอกำลังมองเห็นโอกาสท่ามกลางความไม่แน่นอน ด้วยการลงทุนเชิงรุกในเทคโนโลยี นวัตกรรม และบุคลากรอย่างมีนัยสำคัญ” ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำจำเป็นต้องรักษาความสมดุลระหว่างการเปิดรับนวัตกรรมและการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งแนวทางการตอบสนองของซีอีโอต่อประเด็น AI ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องการเปิดรับนวัตกรรม เพราะผู้นำตระหนักถึงความจำเป็นในการเปิดรับนวัตกรรม ควบคู่กับจัดการ ข้อกังวลด้านจริยธรรม กฎระเบียบ การพัฒนาทักษะบุคลากรและการเข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถ ในท้ายที่สุด ผู้นำที่สามารถเปิดรับความผันผวนของตลาด และมุ่งลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับองค์กรของตน จะมีความพร้อมที่จะปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาวได้


บิลล์ โทมัส
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล


ซีอีโอในประเทศไทยกำลังนำพาองค์กรผ่านกระแสความผันผวนของเศรษฐกิจโลกควบคู่กับความท้าทายจากแรงกดดันในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัว หรือการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลงทุนใน AI และบุคลากร เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นขององค์กร ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจหลักของไทย ได้แก่ ภาคการผลิต การเงิน และภาคการท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ ผู้นำก็ควรเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ ในด้านพลังงานทดเเทน สุขภาพ และเศรษฐกิจดิจิทัล ก้าวต่อไปของซีอีโอคือการผนวกความยั่งยืนและพัฒนาทักษะบุคลากรดิจิทัลเข้ากับกลยุทธ์หลัก เพื่อเปลี่ยนความท้าทายเหล่านี้ให้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว


เจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมา และลาว


เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล

เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทที่ให้บริการสอบบัญชี ภาษี และที่ปรึกษาธุรกิจ เคพีเอ็มจี เป็นแบรนด์ภายใต้บริษัทสมาชิกของ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล”) ดำเนินการและให้บริการอย่างมืออาชีพ “เคพีเอ็มจี” ใช้เพื่ออ้างถึงบริษัทสมาชิกแต่ละแห่งภายในเครือข่าย เคพีเอ็มจี หรือบริษัทสมาชิกหนึ่งหรือหลายบริษัทรวมกัน

เครือข่าย เคพีเอ็มจี ดำเนินงานใน 142 ประเทศ และเขตการปกครอง โดยมีหุ้นส่วนและพนักงานมากกว่า 275,000 คน

บริษัท เคพีเอ็มจี แต่ละแห่งเป็นนิติบุคคลที่แตกต่างกัน และแยกจากกันตามกฎหมาย บริษัทสมาชิก เคพีเอ็มจี แต่ละแห่งมีหน้าที่รับผิดชอบและหนี้สินของตนเอง

เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทเอกชน ในประเทศอังกฤษ โดยการรับประกัน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้บริการแก่ลูกค้า
ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างองค์กรได้ที่ kpmg.com/governance

เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย

เคพีเอ็มจี ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 2,500 คน ซึ่งให้บริการด้านการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่นอื่น ภาษี กฎหมายและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เคพีเอ็มจี ประเทศไทยเป็นสมาชิกของ เครือข่ายเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์กร เอกชน จำกัด ในอังกฤษ

สำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:

ศศิพิมพ์ คูดิษฐาเลิศ
อีเมล: sasiphim@kpmg.co.th