ผลสำรวจผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกประจำปี ครั้งที่ 23

เคพีเอ็มจีเผยผลสำรวจ ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์มองบวกด้านการเติบโต โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า แม้กังวลการจัดหาสินค้าและชิ้นส่วน

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์มองบวกด้านการเติบโต โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า แม้กังวลการจัดหาสินค้า

EN | TH

ผลสำรวจผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกประจำปี ครั้งที่ 23 ของเคพีเอ็มจี พบว่า ผู้บริหารร้อยละ 83 มั่นใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตและมีกำไรมากขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า แต่ความคาดหวังด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกในปี 2573 มีความเป็นจริงมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารยังคงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการจัดหาสินค้าและส่วนประกอบต่างๆ

รายงาน Annual Global Automotive Executive Survey ครั้งที่ 23 ของเคพีเอ็มจี สำรวจผู้บริหาร 915 ราย ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมใกล้เคียง พบว่าร้อยละ 83 มั่นใจว่าอุตสาหกรรมจะเห็นการเติบโตที่มีผลกำไรมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เทียบกับร้อยละ 53 ของผลสำรวจปีที่แล้ว การสำรวจจาก ซีอีโอ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร 207 คน พบว่าพวกเขาเฝ้าระวังผลลัพธ์ในระยะสั้นมากขึ้น เมื่อพิจารณาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจมหภาค

“ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์มองเชิงบวกอย่างมากต่ออนาคต แต่ขณะเดียวกัน ในความมั่นใจนั้นยังมีความจำเป็นในการเปลี่ยนความฝันของแวดวงยานยนต์ให้เป็นความจริง ผู้ผลิตรถยนต์ทุ่มเงินกว่าครึ่งล้านล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนายานยนต์รุ่นใหม่ๆ ในโรงงานผลิตขั้นสูง และเพื่อให้เป็นไปตามความตั้งใจ บริษัทรถยนต์ต่างๆ จะต้องใช้หลายกลวิธีเพื่อบรรลุเป้าหมาย ซึ่งบางวิธีจะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ในขณะที่บางวิธีอาจไม่ประสบผลสำเร็จ” แกรี่ ซิลเบิร์ก หัวหน้าฝ่ายยานยนต์ระดับโลก เคพีเอ็มจี กล่าว

อนาคตของระบบส่งกำลัง

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์คาดว่าส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573 โดยในปีที่แล้ว การคาดการณ์สูงถึงร้อยละ 70 ผู้บริหารได้ลดความคาดหวังลงอย่างมากในด้านการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดีย (ความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน) บราซิล (เชื้อเพลิงชีวภาพเป็นพลังงานทางเลือก) และญี่ปุ่น (การมุ่งเน้นระบบไฮบริดและแหล่งพลังงานต่างๆ นอกจากแบตเตอรี่)

อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจมากขึ้นว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะบรรลุเป้าหมายด้านต้นทุนที่เท่าเทียมกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) โดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากรัฐบาล ร้อยละ 82 เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายโดยไม่ต้องใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล

ผู้บริโภคดิจิทัล

ด้วยการเพิ่มขึ้นของรถยนต์รุ่นใหม่ ผู้เล่นรายใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์เชื่อว่าการตัดสินใจซื้อ ของผู้บริโภคในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเน้นที่ประสิทธิภาพการขับขี่และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

ลูกค้ารถยนต์มีแนวโน้มที่จะซื้อทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสามารถขายตรงต่อผู้บริโภค รวมถึงทางออนไลน์ผ่านตัวแทนจำหน่าย ผู้เล่นอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมก็จะร่วมแย่งลูกค้ารถยนต์ด้วย

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์มองเชิงบวกในด้านรายได้หลังการขาย โดยร้อยละ 62 มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บริโภคจะยินดีจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนสำหรับบริการซอฟต์แวร์ เช่น การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การวิเคราะห์การบำรุงรักษารถยนต์ ความช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และการอัพเดทข้อมูลอื่นๆ

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์คิดว่าผู้ผลิตรถยนต์ยังคงมองว่าตลาดประกันภัยเป็นโอกาสในการเติบโตที่สำคัญ แต่ผู้ผลิตรถยนต์ได้เปลี่ยนโฟกัสจากการแข่งขันกับบริษัทประกัน มาเป็นพันธมิตร หรือขายข้อมูลให้บริษัทประกันแทน

ห่วงโซ่อุปทานที่เปราะบาง

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ยังคงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการจัดหาสินค้าและส่วนประกอบต่างๆ โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ ตลอดจนสินค้าต่างๆ เช่น เหล็กไฟฟ้าและวัสดุที่มีน้ำหนักเบาซึ่งมีความสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและการขยายความจุแบตเตอรี่

เพื่อตอบสนองต่อปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน ผู้ผลิตรถยนต์จึงมุ่งเน้นไปที่การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ขึ้น (Near-shoring) และการย้ายฐานผลิตมาในประเทศ (On-shoring) เพื่อลดการพึ่งพาเพียงหนึ่งหรือสองประเทศ

เทคโนโลยีใหม่ๆ และผู้ผลิตรายใหม่

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์จำนวนมากคิดว่า Apple จะเข้าสู่ตลาดรถยนต์และกลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2573 โดยขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 4 จากอันดับที่ 9 ของผลสำรวจในปี 2564 และคาดว่า Tesla จะยังคงเป็นผู้นำตลาดด้านรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ว่าบริษัทใดจะกลายเป็นผู้นำ ผู้บริหาร 9 ใน 10 คนกล่าวว่า สตาร์ทอัพจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์

ผู้บริหารธุรกิจยานยนต์มากกว่าหนึ่งในห้ากล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่จะขายธุรกิจส่วนที่ไม่ใช่กลยุทธ์ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการแข่งขัน การทำสัญญาการผลิตจะกลายเป็นกลยุทธ์ที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ตามนโยบาย 30@30 ซึ่งตั้งเป้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตทั้งหมดให้เป็นยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ หรือ ZEV (Zero Emission Vehicle) ภายในปี 25731

ท่านสามารถอ่านรายงานฉบับเต็ม ได้ที่ 23rd Annual Global Automotive Executive Survey

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ), Clean energy needs far clearer policy, TDRI Insight (25 สิงหาคม 2565)

เกี่ยวกับการสำรวจ

เคพีเอ็มจี จัดทำแบบสำรวจผู้บริหารจำนวน 915 คน ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมใกล้เคียงในเดือนตุลาคม 2565
ซีอีโอ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหารจำนวน 207 คน ตอบแบบสำรวจพร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง 209 คน หัวหน้าหน่วยธุรกิจและแผนกต่างๆ 293 คน และ ผู้จัดการหน่วยธุรกิจ 205 คน จากทั้งหมดนี้ ร้อยละ 15 ทำงานให้กับผู้ผลิตรถยนต์ ร้อยละ 15 ทำงานให้กับซัพพลายเออร์ระดับเทียร์ 1 และร้อยละ 16 ทำงานให้กับบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 351 คน ทำงานในบริษัทที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สองประเทศที่มีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 28) และจีน (ร้อยละ 17) ยุโรปมีผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 29 และร้อยละ 26 อยู่ในอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ไทย อินโดนีเซีย แคนาดา ละตินอเมริกา แอฟริกาใต้ และซาอุดีอาระเบีย

เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล

เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทที่ให้บริการตรวจสอบบัญชี ภาษี และที่ปรึกษาธุรกิจ เคพีเอ็มจี เป็นแบรนด์ภายใต้บริษัทสมาชิกของ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล”) ดำเนินการและให้บริการอย่างมืออาชีพ “เคพีเอ็มจี” ใช้เพื่ออ้างถึงบริษัทสมาชิกแต่ละแห่งภายในเครือข่าย เคพีเอ็มจี หรือบริษัทสมาชิกหนึ่งหรือหลายบริษัทรวมกัน

เครือข่าย เคพีเอ็มจี ดำเนินงานใน 143 ประเทศ และเขตการปกครอง โดยมีหุ้นส่วนและพนักงานมากกว่า 265,000 คน บริษัท เคพีเอ็มจี แต่ละแห่งเป็นนิติบุคคลที่แตกต่างกัน และแยกจากกันตามกฎหมาย บริษัทสมาชิก เคพีเอ็มจี แต่ละแห่งมีหน้าที่รับผิดชอบและหนี้สินของตนเอง

เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทเอกชน ในประเทศอังกฤษ โดยการรับประกัน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้บริการแก่ลูกค้า

ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างองค์กรได้ที่ home.kpmg/governance

เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย

เคพีเอ็มจี ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน ซึ่งให้บริการด้านการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่นอื่น ภาษี กฎหมายและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เคพีเอ็มจี ประเทศไทยเป็นสมาชิกของ เครือข่ายเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัท เอกชน จำกัด ในอังกฤษ

สำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:

พลอย พยัฆวิเชียร
อีเมล: ploi@kpmg.co.th