ข่าวและบทความ | 26 มีนาคม 2564
ซีอีโอทั่วโลกเกือบครึ่งมองว่าสถานการณ์ธุรกิจจะไม่กลับเป็นปกติจนกว่าปี 2565: จากงานวิจัยเคพีเอ็มจี
ซีอีโอทั่วโลกเกือบครึ่งมองว่าสถานการณ์ธุรกิจจะไม่กลับเป็นปกติจนกว่าปี 2565
- ซีอีโอส่วนใหญ่จะรอจนกว่าประชากรมากกว่าครึ่งของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนก่อนที่จะเริ่มให้พนักงานเข้าออฟฟิศอีกครั้ง
- ผู้นำ 9 ใน 10 วางแผนว่าจะให้พนักงานรายงานสถานะการฉีดวัคซีนของตน เพื่อความปลอดภัยของทั้งองค์กร
- ความต้องการของซีอีโอทั่วโลกที่จะลดขนาดพื้นที่ของสำนักงานนั้นลดลงเป็นอย่างมาก และต่างมีการประเมินใหม่ด้านความต้องการที่จะดำเนินธุรกิจแบบเดิมที่มีการพบปะพูดคุยกันต่อหน้าหลังจากพ้นวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว
กรุงเทพฯ, 26 มีนาคม 2564 – ซีอีโอของบริษัทชั้นนำทั่วโลกต่างกำลังวางแผนองค์กรสำหรับ new normal หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 งานวิจัย 2021 KPMG CEO Outlook Pulse Survey พบว่าผู้บริหารระดับสูงเกือบครึ่ง (ร้อยละ 45) คาดว่าธุรกิจจะไม่กลับเป็น ‘ปกติ’ จนกว่าปี 2565 ซึ่งต่างจากงานวิจัยของปีที่แล้ว ที่พบว่าเกือบ 1 ใน 3 (ร้อยละ 31) คาดว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติปลายปี 2564 นี้ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ซีอีโอ 1 ใน 4 (ร้อยละ 24) บ่งชี้ว่าโมเดลธุรกิจขององค์กรของตนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวรแล้ว
การวิจัยโดยเคพีเอ็มจีครั้งนี้ถูกจัดทำขึ้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคมปีนี้ โดยทำการสำรวจซีอีโอทั่วโลกจำนวน 500 คน เกี่ยวกับกลวิธีการตอบสนองต่อผลกระทบจากโควิด-19 และความน่าจะเป็นในอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้า พบว่าซีอีโอส่วนใหญ่ (ร้อยละ 55) มีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงวัคซีนของพนักงาน ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจว่าเมื่อใดจะให้ให้พนักงานเข้าทำงานในสำนักงานได้ ซีอีโอส่วนใหญ่ (ร้อยละ 90) มองทางเลือกที่จะให้พนักงานรายงานองค์กรเมื่อได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรวางกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงาน แต่อย่างไรก็ตาม 1 ใน 3 (ร้อยละ 34) มีความกังวลเรื่องการแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งอาจส่งผลให้พนักงานเลือกที่จะไม่รับวัคซีน
ผลการสำรวจที่สำคัญ:
นโยบายรัฐและแผนการฉีดวัคซีนส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กร
ซีอีโอ 3 ใน 4 (ร้อยละ 76) มองว่าการที่รัฐบาลรณรงค์ให้ธุรกิจกลับมาปฏิบัติการเหมือนปกติจะเป็นสัญญาณให้แต่ละองค์กรอนุญาตให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่สำนักงานตามปกติ นอกจากนี้ ร้อยละ 61 ของผู้บริหารทั่วโลกกล่าวว่าจะรอจนกว่าการแจกจ่ายวัคซีนประสบผลสำเร็จ (มากกว่าร้อยละ 50 ของประชากรทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีน) ในที่สำคัญๆ ก่อนที่จะตัดสินใจให้พนักงานกลับเข้าทำงานได้ตามปกติ เมื่อพนักงานกลับเข้าที่ทำงานแล้ว องค์กร 1 ใน 5 (ร้อยละ 21) จะมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติมโดยการขอให้ลูกค้าและบุคคลภายนอกอื่นๆ แจ้งถึงสถานะการฉีดวัคซีนของตนเองก่อนที่จะเข้ามาในบริเวณสำนักงาน
จำนวนซีอีโอทั่วโลกที่ต้องการลดพื้นที่สำนักงานนั้นน้อยลงจากเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว
การวิจัยครั้งนี้พบว่ามีเพียงร้อยละ 17 ของซีอีโอทั่วโลกที่ต้องการลดขนาดสำนักงานลงเนื่องจากโควิด-19 ซึ่งต่างจากการสำรวจเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ที่ซีอีโอจำนวนร้อยละ 69 วางแผนที่จะลดขนาดสำนักงานภายใน 3 ปี้ข้างหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการลดขนาดสำเร็จแล้วหรือแผนการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้มีการเปลี่ยนแปลง
ผู้บริหารยังไม่เชื่อมั่นที่จะให้พนักงานทุกคนทำงานจากนอกสำนักงาน (remote working)
ซีอีโอต่างกำลังวางแผนว่า new normal จะเป็นอย่างไรหลังผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปแล้ว ซึ่งมีเพียง 3 ใน 10 (ร้อยละ 30) ของผู้บริหารระดับสูงที่จะมีการพิจารณาการทำงานแบบ hybrid คือการที่พนักงานส่วนใหญ่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (remote working) 2-3 วันต่อสัปดาห์ ส่งผลให้มีเพียง 1 ใน 5 (ร้อยละ 21) องค์กรที่พร้อมจะจ้างพนักงานที่ทำงานจากนอกสำนักงาน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากผลสำรวจปีที่แล้ว (ร้อยละ 73 ในปี 2563)
ความปลอดภัยทางไซเบอร์ถูกบ่งชี้ให้เป็นประเด็นที่ซีอีโอให้ความสำคัญมากที่สุด
ในช่วงล็อคดาวน์ การทำงานจากที่บ้านเป็นเรื่องปกติ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงขององค์กรในการรั่วไหลของข้อมูล ทำให้ผู้นำทั่วโลกต่างบ่งชี้ว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อการเติบโตและการดำเนินธุรกิจขององค์กรในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นประเด็นที่ถูกบ่งชี้ให้มีความสำคัญกว่าด้านกฎหมาย ภาษี และห่วงโซ่อุปสงค์อุปทาน
ESG ยังคงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับองค์กร
การที่ COP26 กำลังจะถูกจัดขึ้นอีกครั้งในปีนี้และการที่สหรัฐอเมริกาได้กลับมาเข้าร่วมในข้อตกลงปารีสลดโลกร้อน ทำให้ซีอีโอร้อยละ 49 ต้องการที่จะวางแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG ให้รัดกุมยิ่งขึ้น ซึ่งผู้นำทางธุรกิจส่วนใหญ่ (ร้อยละ 89) ให้ความสำคัญไปที่การคงประโยชน์ที่ได้รับจากช่วงโควิด-19 ในด้านความยั่งยืนและการลดผลกระทบที่องค์กรมีต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศให้มากที่สุดนอกจากนี้ผู้นำทั่วโลกเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 96) ต้องการที่จะเพิ่มความสำคัญด้านสังคมในการจัดการ ESG
เกี่ยวกับ KPMG’s CEO Outlook Pulse Survey
งานวิจัย 2021 CEO Outlook Pulse Survey เป็นการสอบถามมุมมองต่อเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้าของซีอีโอจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก และมุมมองที่มีต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การวิจัยครั้งนี้เป็นการเปรียบเทียบว่ามุมมองของซีอีโอเหล่านี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงในด้านใดบ้างเมื่อเทียบกับการวิจัยช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2563
การวิจัยครั้งนี้เป็นการสำรวจซีอีโอจำนวน 500 รายจาก 11 ประเทศ (ออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา) ซึ่งได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29 มกราคม ถึง 4 มีนาคม 2564 ผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนเป็นตัวแทนขององค์กรที่มีรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และในจำนวนนั้น ร้อยละ 35 เป็นองค์กรที่มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี *ตัวเลขที่อ้างอิงเป็นการปัดเศษ
เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี
เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่นอื่น ภาษี กฎหมาย และให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เราดำเนินธุรกิจใน 146 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 227,000 คนในบริษัทเคพีเอ็มจีทั่วโลก เคพีเอ็มจีในแต่ละประเทศเป็นองค์กรที่มีการดำเนินการเป็นเอกเทศ
เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย
เคพีเอ็มจี ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน ซึ่งให้บริการด้านการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่นอื่น ภาษี กฎหมายและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เคพีเอ็มจี ประเทศไทยเป็นสมาชิกของ เครือข่ายเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
สำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
พลอย พยัฆวิเชียร
อีเมล: ploi@kpmg.co.th
Connect with us
- Find office locations kpmg.findOfficeLocations
- kpmg.emailUs
- Social media @ KPMG kpmg.socialMedia